เชิญติชมได้ที่เมล์นี้นะครับ

angel_memmory@hotmail.com

มีอะไรใหม่

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทที่ 11 ความมืดที่อยู่ภายนอก

คืนแล้วคืนเล่า พระเยซูคริสต์และดิฉันได้กลับไปสู่นรก ดังนั้น ดิฉันสามารถบันทึกความจริง ที่น่าสยดสยองเหล่านี้ แต่ละครั้งที่เราเดินผ่านหัวใจ


(ของนรก) ดิฉันเดินใกล้พระเยซูมาก ความกลัวอย่างใหญ่หลวงได้เกาะกุมวิญญาณของดิฉันในแต่ละครั้งที่ดิฉันระลึกถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับดิฉัน ณ ที่นั่น ดิฉันรู้ว่าดิฉันจะต้องไปต่อไปเพื่อช่วยวิญญาณให้รอด แต่ว่า มันเป็นเพียง แต่ผ่านความกรุณาของพระเจ้าเท่านั้นที่ดิฉันจะสามารถกลับคืนมาได้


เราหยุดอยู่ต่อหน้าของฝูงปีศาจผู้กำลังร้องเพลงและสาธยายและสรรเสริญซาตาน พวกมันดูเหมือนกำลังสนุกสนานกับพวกมันเองอย่างท่วมท้น พระเยซูคริสต์ตรัส "เราจะให้เจ้าได้ฟัง ว่าพวกเขากำลังพูดอะไร"


"เราจะไปยังบ้านหลังนี้ในวันนี้และทรมานพวกที่อยู่ในบ้านนั้น เราจะได้รับอำนาจมากขึ้นจากพระเจ้าซาตานถ้าหากว่าเราจะทำสิ่งนี้อย่างถูกต้อง" พวกมันพูด "ใช่แล้ว เราจะก่อเหตุแห่งความเจ็บปวดและความเจ็บป่วยมากมาย ณ ที่นั่นและความโศกเศร้า มากมายแก่พวกเขาทั้งหมด " พวกเขาเริ่มต้นเต้นรำและร้องเพลงปีศาจที่ชั่วร้ายเกี่ยวกับการบูชาซาตาน สรรเสริญปีศาจ ปีศาจตนหนึ่งพูด "เราจะเฝ้ามองอย่างรอบคอบสำหรับพวกที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ เพราะว่าพวกเขาสามารถที่จะตะเพิดพวกเราออกมา"


"ใช่แล้ว " ปีศาจอีกตนหนึ่งพูด "เมื่อเอ่ยนามพระเยซูคริสต์ออกมาเราก็จะต้องหนี"


ครั้นแล้ววิญญาณปีศาจตัวสุดท้ายพูด "แต่ว่าเรามิได้ไปยังพวกเขาเหล่านั้น ผู้ที่รู้จักพระเยซูคริสต์ และอำนาจแห่งพระนามของพระองค์"


"ทูตสวรรค์ของเรา" พระเยซูตรัส "จะรักษาผู้คนของเราจากวิญญาณที่ชั่วร้ายเหล่านี้และงานของพวกเขาจะไม่ประสบความสำเร็จ เราปกป้องพวกที่ไม่ได้รับการช่วยให้รอดจำนวนมากด้วย แม้กระทั่งว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องนี้ เรามีทูตสวรรค์มากมายรับทำหน้าที่ หยุดแผนการที่ชั่วร้ายของซาตาน"


พระเยซูคริสต์ตรัส "มีปีศาจมากมายอยู่ในอากาศและอยู่บนโลก เราจะอนุญาตให้เจ้าได้เห็นปีศาจบางตนเหล่านี้ แต่ปีศาจอื่นไม่สามารถมองเห็นได้ (แต่คนอื่น ๆ ไม่ได้รับอนุญาตเหมือนเจ้า) นี่คือเหตุผลที่ว่าความจริงของพระคัมภีร์จะต้องถูกนำไปเทศนาต่อทุกคน ความจริงจะทำให้มนุษย์มีอิสระ และเราจะปกป้องพวกเขาจากปีศาจในนามของเรา มีการช่วยชีวิตให้รอดและมีเสรีภาพ เรามีอำนาจทั้งปวงของสวรรค์และของโลก จงอย่ากลัวซาตาน แต่จงกลัวพระเจ้า"


ในขณะที่เราเดินผ่านเข้าไปในนรกต่อไป พระเยซูคริสต์และดิฉันได้มาถึงชายคนหนึ่งที่ใหญ่และมืดมาก เขาถูกปกคลุมอยู่ในความมืดและมีรูปร่างปรากฏของทูตสวรรค์ตนนหนึ่ง เขากำลังถือบางสิ่งบางอย่างอยู่ในมือของเขา พระเยซูคริสต์ตรัส "สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าความมืดด้านนอก "


ดิฉันได้ยินเสียงร่ำไห้และเสียงกัดฟัน ไม่เคยมีที่ใดมาก่อนที่มีสิ่งที่ไร้ความหวังอย่างสิ้นเชิง เหมือนดังที่ดิฉันรู้สึกในสถานที่แห่งนี้ ทูตสวรรค์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเราไม่มีปีก


เขาดูเหมือนว่าจะสูงประมาณสามสิบฟุต และเขารู้อย่างแน่ชัดว่าเขากำลังทำอะไร เขามีจานขนาดใหญ่อยู่ในมือซ้ายของเขาและกำลังหันไปอย่างช้า ๆ พร้อมด้วยจานนี้ที่ยกขึ้นสูงราวกับว่าเขากำลังพร้อมแล้วที่จะเขวี้ยงมัน


มีไฟอยู่ตรงกลางของจาน และมีความมืดอยู่บนขอบด้านนอก ทูตสวรรค์วางมือของเขาภายใต้จานและเอื้อมมือกลับมาเพื่อที่จะทำ ให้เกิดผลมากขึ้น


ดิฉันสงสัยว่าทูตสวรรค์ร่างยักษ์นี้เป็นใครและเขากำลังจะทำอะไร


พระเยซูคริสต์รู้ความคิดของดิฉันและตรัสอีกครั้ง "นี่เป็นความมืดด้านนอก จงจำไว้ในถ้อยคำของเราที่ได้ตรัส "ลูกหลานแห่งอาณาจักรจะถูกเหวี่ยงออกไปสู่ความมืดด้านนอก ที่นั่นจะมีการคร่ำครวญและมีการกัดฟัน"


"พระองค์เจ้าข้า" ดิฉันพูด พระองค์หมายถึงคนรับใช้ของพระองค์อยู่ที่นี่หรือค๊ะ "


"ใช่แล้ว" พระเยซูคริสต์ตรัส " คนรับใช้ที่หันกลับไปภายหลังที่เราเรียกพวกเขา คนรับใช้ผู้รักโลกมากกว่าเราและได้หวนกลับไปสู่การเกลือกลั้ว โคลนตมแห่งความผิดบาป คนรับใช้ที่ไม่อาจจะยืนหยัดเพื่อความจริงและเพื่อความบริสุทธิ์ มันเป็นการดีกว่าที่คนเราจะไม่เริ่มต้นยิ่งกว่าที่จะหันกลับไปภายหลังการเริ่มต้นรับใช้เรา"


"จงเชื่อเรา " พระเยซูคริสต์ตรัส "ถ้าเจ้าทำผิดบาป เจ้ามีผู้แก้ต่างให้กับพระบิดา ถ้าเจ้าสำนึกในความผิดบาปของเจ้า เราจะมีความสัจจะที่จะทำให้เจ้ามีความสะอาดจากความไม่ชอบธรรมทั้งปวงของเจ้า แต่ถ้าหากเจ้ามิได้สำนึกในความผิดบาป เราจะมาทันเวลาที่เจ้าคิดว่าจะไม่สำนึกในความผิดบาป เจ้าจะไม่สำนึกในความผิดบาป และเจ้าจะถูกตัดออกไปกับผู้ไม่มีความเชื่อและถูกเหวี่ยงเข้าไปสู่ ความมืดด้านนอก "


ดิฉันเฝ้ามองทูตสวรรค์สีดำในขณะที่เขาเขวี้ยงจานขนาดใหญ่ไปไกล ไกลออกไปสู่ความมืด พระเยซูคริสต์ตรัส " ถ้อยคำของเรามีความหมายอย่างที่เรากล่าวออกมานั่นแหล่ะ เขาเหล่านั้นจะถูกเหวี่ยงไปสู่ความมืดด้านนอก"


และแล้ว ในทันทีทันใด พระเยซูคริสต์และดิฉันอยู่ในอากาศติดตามจานนี้ผ่านเข้าไปในอากาศ เรามาถึงด้านนอกของจานและยืนมองไปในภายใน


มีไฟอยู่ในศูนย์กลางของจาน และผู้คนกำลังว่ายเข้ามาและว่ายออกไป ว่ายอยู่เหนือและอยู่ใต้คลื่นเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้ ไม่มีปีศาจหรือวิญญาณที่ชั่วร้ายอยู่ที่นี่ มีเพียงดวงวิญญาณที่กำลังถูกเผาไหม้อยู่ในทะเลแห่งไฟเท่านั้น


ภายนอกจานเป็นความมืดสนิท มีเพียงแสงจากเปลวไฟในจานเท่านั้นที่ส่องสว่างในอากาศในยามกลางคืน ในแสงสว่างนั้นดิฉันเห็นผู้คนกำลังพยายามที่จะว่ายไปยังขอบของจาน บางคนของคนเหล่านั้นเกือบจะมาถึงด้านข้างเมื่อมีกำลังดึงดูดจากภายในจานดูดเอาพวกเขากลับคืนมาสู่เปลวไฟ ดิฉันเฝ้ามองดูร่างของพวกเขาเปลี่ยนไปเป็นโครงกระดูกพร้อมกับวิญญาณสีเทาที่เป็นหมอก ครั้นแล้วดิฉันรู้ว่านี่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของนรกนั้นเอง


และครั้นแล้วดิฉันได้เห็นฑูตสวรรค์กำลังเปิดผนึกออก ดังภาพที่ปรากฏ ชาติต่าง ๆ และอาณาจักรต่างๆ ปรากฏว่าถูกใส่กุญแจไว้ภายใต้ผนึกเหล่านี้ เมื่อฑูตสวรรค์เปิดผนึกออก บรรดาชายและหญิง เด็กชายและหญิงสาวทั้งหลายต่างเดินขบวนตรงเข้าไปในเปลวไฟ


ดิฉันเฝ้ามองในอาการตกตะลึงอย่างขนลุกขนพอง พลางสงสัยว่าจะมีคนรับใช้คนหนึ่งคนใดที่ผิดพลาดของพระเจ้าเดินผ่านออกมาหรือไม่ ดิฉันไม่สามารถหันหัวของดิฉันให้ออกจากภาพของดวงวิญญาณที่กำลังเดินเข้าสู่กองไฟ และไม่มีใครที่จะพยายามหยุดพวกเขา ดิฉันร้อง "พระเจ้าข้า โปรดหยุดพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะมาถึงกองไฟ "


แต่พระเยซูคริสต์ตรัส "เขาผู้มีหูควรจะฟัง เขาผู้มีดวงตาควรจะเห็น ลูกเอ๋ย จงร้องต่อต้านความผิดบาปและความชั่วร้าย จงบอกคนรับใช้ของเราให้เป็นคนซื่อสัตย์และเรียกพระนามของพระเจ้า เรากำลังจะนำเจ้าเข้าไปสู่สถานที่ที่น่ากลัวนี้เพื่อว่าเจ้าจะสามารถบอกแก่พวกเขาเกี่ยวกับนรก"


พระเยซูคริสต์ตรัสต่อ "บางคนจะไม่เชื่อเจ้า บางคนจะพูดว่าพระเจ้าดีเกินกว่าที่จะส่งผู้ชายทั้งหลายและผู้หญิงทั้งหลายไปนรก แต่จงบอกเขาเหล่านั้นถึงถ้อยคำของเราว่าเป็นความจริง จงบอกแก่พวกเขาว่าความกลัวและความไม่เชื่อจะมีส่วนของมันในทะเลสาบแห่งไฟ"




Technorati :

Del.icio.us :

Zooomr :

Flickr :

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น